รีวิวหนัง Long Live Love (2023) ลอง ลีฟ เลิฟว์
ข้อมูลหนัง
ประเภทหนัง : ตลก / ดราม่า
นักเขียน : มุก ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ,
ผู้กำกับ : มุก ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ,
นักแสดงนำ : ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, อารยา เอ. ฮาร์เก็ต, รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง
เรื่องย่อ
Long Live Love! เป็นเรื่องราวความรักที่กระท่อนกระแท่นของ สติ กับ เมตตา ที่ความสัมพันธ์มาถึงทางแยก แต่โชคชะตาเล่นตลก สติประสบอุบัติเหตุทำให้ไร้ความทรงจำ มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสัมผัสได้ว่าการถ่ายรูปในลักษณะ Now & Then เป็นหนทางที่รื้อฟื้นความทรงจำของเขาได้ ทำให้เขาได้กลับไปเผชิญหน้ากับความจริงที่ผ่านมาทั้งหมด และทุกสิ่งที่เคยได้ทำเอาไว้กับลูกเมียเมื่อในอดีต หนังใหม่ 2024
สารภาพมาตรง ๆ เลยว่ามันจะต้องมีคนจำนวนไม่น้อยแหละ ที่เห็น Long Live Love! ครั้งแรก นึกว่าเป็นคือหนังใหม่จากค่ายหนังอารมณ์ดีค่ายหนัง ก็เพราะว่ามันช่างชวนให้คิดถึงไปในทางนั้นจริง ๆ แหละ แต่อันที่จริงแล้วนี่คือไม่ใช่หนังจากค่ายหนัง เป็นหนังจากผู้สร้างอิสระ และจัดจำหน่ายโดยค่ายหนังอีกค่าย แต่กลิ่นอายที่โชยออกมาให้นึกถึงนั้น ก็คงเป็นเพราะว่าทีมงานและทีมนักแสดงที่ต่างก็เป็นศิษย์เก่าจากทางนั้นนั่นเอง
"มุก-ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ" ผู้กำกับหญิงฝีมือดี ที่เธอเคยแจ้งเกิดมาจากผลงานเฟรนไชส์ซีรีส์ เนื้อคู่ประตูถัดไป ที่แฟน ๆ น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มาครั้งนี้เธอปลุกปั้นโปรเจกต์ด้วยการกำกับและร่วมเขียนบทหนังเองด้วย กลายออกมาเป็นหนังที่ยังมีจังหวะและท่วงทำนองในการเล่าเรื่องความรัก แต่ในมุมมองที่ค่อนข้างแสนสาหัสอยู่ไม่น้อย เป็นมุมรักที่ไม่ค่อยจะได้เห็นปรากฏอยู่ในหนังไทยสักเท่าไหร่ และนี่คือการสร้างความแปลกใหม่อยู่ไม่น้อย
บางคนอาจจะไม่เก็ทและตั้งแง่ว่า Long Live Love! ไม่ใช่หนังแมสหรือไม่ ก็ส่วนหนึ่งนั่นแหละ เพราะหนังก็ไม่เชิงว่าจะเป็นหนังแมสจ๋า ๆ ที่เต็มไปด้วยจังหวะโบ๊ะบ๊ะและสูตรสำเร็จในหนังไทยทั่ว ๆ ไป แต่ Long Live Love! เป็นการตีโจทย์ให้แตกต่างไปจากหนังรักของไทยเรื่องอื่น ๆ ได้ในทิศทางที่น่าสนใจ เต็มไปด้วยองค์ประกอบที่มีความยูนีก ความเซอร์ไพรส์ และความอินดี้ผสม ๆ อยู่ในหนังอยู่ตลอด
องค์ประกอบหลักที่น่าชื่นชอบของ Long Live Love! ต้องยกความดีความชอบให้กับบทหนังเลย นี่คือว่าเป็นบทหนังไทยที่ค่อนข้างเกือบจะสมบูรณ์แบบ ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะเห็นหนังไทยได้รับคำชมในแง่ของบทหนัง เห็นได้ชัดเลยว่าหนังเรื่องนี้มีทรีเมนต์และจัดลำดับเซ็กเมนต์ของหนังได้ค่อนข้างดีใช้ได้ มันจึงทำให้การเล่าเรื่องไหลลื่นไปได้เรื่อย ๆ ถึงจะยังไม่ถึงกับเพอร์เฟคสุด ๆ เพราะยังมีบางมุมบางจุดที่หย่อนยานและละหลวมไป แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่ายังเป็นฟั่นเฟืองหลักที่ดี
และเมื่อมาผนวกเข้ากับทีมนักแสดงระดับคุณภาพด้วยแล้ว กลายมาเป็นองค์ประกอบที่ช่วยส่งเสริมตัวหนังให้ยกระดับเพิ่มขึ้นไปอีก "ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์" ที่ยังพกพาเสน่ห์และทักษะการแสดงในรูปแบบของเขามาเต็มกระเป๋า เขาก็ยังแสดงและสวมบทบาทในรูปแบบของเขา แม้ว่ามันจะกวนโอ้ยซ้ำ ๆ แบบผลงานก่อน ๆ แต่มันคือการดีไซน์คาแรกเตอร์ในแบบของเขาที่ค่อนข้างเหมาะเจาะกับตัวละครที่ได้รับและเข้ากับหนังได้ดี
ส่วนตัวแม่ก็ต้องยกนิ้วให้ "ชมพู่ อารยา" ที่เว้นวรรคจากการแสดงไปเลี้ยงลูกอยู่สักพักแล้ว นี่คือช้อยส์ที่เธอเลือกคัมแบ็กกลับมาสู่วังวนนักแสดงอีกครั้ง และถือว่าเธอเลือกถูก เป็นใครก็ไม่น่าจะยอมปล่อยบทนี้ไปง่าย ๆ เพราะมันคือบทที่เหมาะเจาะและมีช่องจังหวะที่ทำให้พ่นไฟได้อย่างเต็มที่ นี่คือหนึ่งในบทบาทการแสดงที่ดีอีกครั้งของชมพู่ที่ได้ทำเอาไว้ เราจะแปลกใจมาก ๆ ถ้าหากว่าช่วงปลายปีนี้จะไม่มีชื่อเธอคนนี้ติดโผรางวัลนักแสดงนำหญิง
บรรดานักแสดงสมทบในหนังเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นดรีมทีม ต้องยกความดีความชอบให้กับทีมแคสติ้ง ที่คัดสรรมาได้เป็นอย่างดี "ป๋อมแป๋ม ธิติ" มาเป็นตัวขโมยซีนและช่วยเบรกอารมณ์ สร้างบัลลานซ์ให้กับตัวหนังได้เป็นอย่างดี ขณะที่ "เบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง" ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ถ่ายทอดวิถีการแสดงออกมาได้อย่างมีเสน่ห์และน่าหลงใจ แม้ว่าจะช่องไฟไม่มาก แต่เธอก็เอาอยู่ได้ในทุก ๆ ซีนทีเดียว
รวมไปถึง "ปีเตอร์ นพชัย" กับ "นน ศดานนท์" ที่เป็นตัวกับแกล้มที่เหมาะเจาะเหมาะสม ฝีมือการแสดงของทั้งสองหนุ่มนี้ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์ต้น ๆ ของวงการหนังไทยยุคนี้อยู่แล้ว ไว้วางใจพวกเขาได้เลย และลากยาวไปถึงนักแสดงรับเชิญต่าง ๆ ที่ออกมาแค่ไม่กี่ซีน แต่ก็จัดเต็มและมีโมเมนต์ให้ได้อมยิ้มอยู่ตลอดทั้งเรื่อง กลายเป็นองค์ประกอบการแสดงที่ช่วยเติมเต็มหนังได้อย่างดี
โปรดักชั่นดีไซน์และงานถ่ายภาพของ Long Live Love! ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะหนังเรื่องนี้เน้นใช้วัตถุในการเล่าเรื่องที่โดดเด่นด้วย นั่นจึงเป็นสิ่งที่เข้ามาเสริมตัวหนังได้ดี องค์ประกอบงานนี้ค่อนข้างได้รับความใส่ใจอย่างละเอียด และเก็บทุกเม็ดได้เป็นอย่างดี ขณะที่งานภาพต่าง ๆ ในหนังก็แปลกตาไปจากหนังไทยทั่วไปดี มีการดีไซน์มุมกล้อง มุมภาพ ที่สอดคล้องและตอบรับกับการตัดต่อ-ลำดับเรื่องได้อย่างลงตัว
าวน์ประกอบในหนัง Long Live Love! ก็เป็นอีกองค์ประกอบที่รู้สึกชอบและยังไม่ชอบปะปนกันไป โดยส่วนที่ชอบน่าจะเป็นการใส่ดนตรีประกอบที่ใส่ความเป็นเครื่องดนตรีเซิ้งทางภาคอีสานเข้ามาเป็นลูกเล่น แม้ว่าหนังจะไม่ได้มีอะไรที่้เชื่อมโยงเป็นความอีสานเลยก็ตาม แต่ได้หยิบเอาจังหวะตรงนี้มาใช้ก็แปลกหูและน่าสนใจดี แต่ขณะเดียวนั้น เพลงประกอบในบางซีนก็ยังค่อนข้างโดดเด้งออกมาจากหูเช่นกัน เหมือนจะช่วยบิวท์อารมณ์แต่กลับทำลายลงไปในบางทีก็มี
ความรู้สึกที่ได้จากการรับชมหนัง
Long Live Love! จัดได้ว่าเป็นหนังไทยที่ค่อนข้างมอบความเซอร์ไพรส์ให้กับเราในหลาย ๆ แง่ องค์ประกอบเลย จากเข้าไปดูแบบไม่ได้คาดหวังใด ๆ กลับสมหวังออกมาแบบไม่คาดคิด นี่ไม่ใช่หนังรัก แต่แทรกประเด็นครอบครัวเข้าไปได้แบบเป็นสีเทา ๆ บทหนังหนักแน่นดี ส่งเสริมด้วยการแสดงจากทีมนักแสดงระดับดรีมทีม และยังมีเทคนิคต่าง ๆ ที่มาช่วยเกื้อหนุนกันเป็นอย่างดี นี่คือการสร้างรสชาติที่อาจจะไม่ได้แปลกใหม่ในระดับสากล แต่เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในหนังไทยสักเท่าไหร่ และมันเป็นสิ่งที่เราต่างเฟ้นหาและเฝ้าฝันให้มาเกิดขึ้นในหนังไทย และมันได้เกิดขึ้นแล้ว uhd24.com
ภาพยนตร์เรื่องนี้ในตอนแรกไม่ได้สนใจหรืออยากจะดูเท่าไหร่ แต่มีคนรู้จักไปดูมาแล้วบอกว่าดีให้ลองไปดู ผมจึงตัดสินใจตีตั๋วเดินเข้าไปดูในโรงแบบหัวโล่งๆ ไม่เคยดูตัวอย่างมาก่อน ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร รู้แค่ว่าซันนี่รับบทนำผมก็วางใจไปเปราะหนึ่ง ซึ่งหลังจากได้ดูจนจบก็รู้สึกว่าตัวหนังทำออกมาได้ดีใช้ได้เลย อาจไม่ได้ดีเยี่ยมจนไร้ที่ติแต่ก็มีดีมากพอให้เสียเงินเสียเวลาไปดู
ถือเป็นหนึ่งในหนังรักรอมคอมของไทยที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาด ตัวบทเขียนมาได้ดีพอตัว ถ่ายทอดความรักของโลกความจริงออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่โลกสวย แถมยังฉลาดที่ใช้ความไซไฟเล็กๆ เรื่องที่พระเอกถ่ายรูปแล้วจะย้อนไปดูความทรงจำได้เข้ามา ซึ่งมันมีประโยชน์มากๆ เพราะการย้อนไปดูอดีตในบางครั้งก็ดราม่าเข้มๆ สะเทือนใจ แต่บางครั้งก็ตลกเรียกเสียงฮาให้คนดูปะปนกันตามสถานการณ์ไป
ส่วนในด้านการดำเนินเรื่องก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน ช่วงแรกๆ อาจจะช้าและเอื่อยไปบ้าง แต่เมื่อเรื่องราวเริ่มเข้าที่เข้าทางก็เริ่มสนุกและน่าติดตามมากขึ้น เขาค่อยๆ เล่าๆ ค่อยเฉลยปมออกมาทีละนิด เหมือนพาเราย้อนอดีตไปดูความสัมพันธ์ของคู่รักคู่หนึ่งที่เริ่มอย่างสวยงามและค่อยๆ จืดจางลงไปเรื่อยๆ ชอบที่เขาสร้างตัวละครพระเอกให้ชื่อสติแต่นิสัยกับตรงกันข้าม คือใช้ชีวิตแบบไม่มีสติเลยแม้แต่น้อย
ส่วนนางเอกที่ชื่อเมตตาสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะไม่ให้อภัยเพราะความรู้สึกที่พังไปแล้วบางครั้งก็เรียกกลับคืนมาไม่ได้ แน่นอนว่าตอนจบอาจไม่ได้แฮปปี้เอ็นดิ้งที่ให้ทั้งคู่ให้อภัยและกลับมารักกัน แต่มันก็ดีกว่าตอนเริ่มเรื่องตรงที่พวกเขาเข้าใจกันมากขึ้นและเลือกที่จะเดินหน้าต่อในฐานะพ่อและแม่ของลูก ส่วนตัวชอบจุดนี้มาก มันดูสมจริงและไม่โลกสวยดี ชีวิตรักจริงๆ ของบางคู่มันก็จบแบบนี้เนี่ยแหละ
#ดูหนังฟรี #ดูหนังใหม่2024 #LongLiveLove #ลอง ลีฟ เลิฟว์
กลับด้านบน
Comments on “Long Live Love (2023) Movie Review”